posttoday

ส่องธุรกิจปลูกดอกกุหลาบยังรุ่ง ส่งออกอาเซียนบูม

05 พฤศจิกายน 2557

หนึ่งในสินค้าการเกษตรทำเงิน และสร้างรายได้อย่างงดงามให้แก่เกษตรกรในประเทศไทยคือ “ดอกกุหลาบ”

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

หนึ่งในสินค้าการเกษตรทำเงิน และสร้างรายได้อย่างงดงามให้แก่เกษตรกรในประเทศไทยคือ “ดอกกุหลาบ” ที่มีแหล่งปลูกมากสุดในประเทศอยู่ที่ อ.พบพระ จ.ตาก และถูกขนานนามว่า เป็นพื้นที่เหมาะกับการปลูกดอกกุหลาบได้ดีที่สุดในประเทศแห่งหนึ่ง จากสภาพอากาศที่ดี และสภาพภูมิประเทศมีความเหมาะสม

“ภราดร กานดา” “เจ้าของไร่ปฐมเพชร” ในฐานะรองประธานหอการค้า จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจย้ายแหล่งปลูกดอกกุหลาบจากบ้านเกิดใน จ.นครปฐม มาที่ อ.พบพระ จ.ตาก ตั้งแต่ปี 2538 เพราะมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาเปิดจำนวนมาก และสภาพอากาศร้อนมากขึ้น โดยเมื่อมีเพื่อนชักชวนให้มาปลูกที่ อ.พบพระ จึงได้ตัดสินใจย้ายมาปลูกดอกกุหลาบใน อ.พบพระ

ทั้งนี้ระยะแรกได้ปลูกดอกกุหลาบ รวมพื้นที่ 12 ไร่ จำนวน 5,000 ต้น ชื่อพันธุ์ขาวมะลิ และสีแสด ซึ่งในช่วงดังกล่าวราคาดอกกุหลาบสูงมาก เฉลี่ยประมาณ 3 บาทต่อดอก ซึ่งในอำเภอ พบพระ สามารถปลูกดอกกุหลาบได้ดี เนื่องจากมีสภาพดินดี และมีอากาศหนาวเย็นในช่วงเช้า จึงได้ดอกกุหลาบที่มีความสวยงาม หลังจากนั้นจึงได้ขยายพื้นที่การปลูกเพิ่มเป็น 40 ไร่

ส่องธุรกิจปลูกดอกกุหลาบยังรุ่ง ส่งออกอาเซียนบูม

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรในพื้นที่หันมาปลูกดอกกุหลาบเพิ่มขึ้น รวมแล้วมีจำนวน 60-70 ราย พื้นที่ปลูกทั้งหมด 4,000 ไร่ ทำให้มีการจัดตั้งเป็น “ชมรมผู้ปลูกดอกกุหลาบ อ.พบพระ” มีกำลังการผลิตรวมต่อวันที่ 1 ล้านดอก มากที่สุดในประเทศไทย และได้นำส่งไปที่ ปากคลองตลาด ในกทม.ทั้งหมด

เมื่อมีการแข่งขันปลูกดอกกุหลาบเพิ่มขึ้น และในบางครั้งเกิดปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ บางช่วงมีราคาขาย 20 สตางค์ต่อดอก จึงตัดสินใจเปลี่ยนมาทำ “ดอกกุหลาบอบแห้ง” เมื่อประมาณ 14 ปีที่ผ่านมา โดยมีข้อดีคือ ไม่ต้องปลูกดอกกุหลาบจำนวนมาก พื้นที่การปลูกดอกกุหลาบลดลงเหลือ 5 ไร่ ใช้แรงงานจำนวนน้อยลง มีต้นทุนการปลูกลดลง โดยใช้งบลงทุนพัฒนาธุรกิจดอกกุหลาบอบแห้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งการปรับตัวของไร่ปฐมเพชร ที่หันมาทำดอกกุหลาบอบแห้ง ถือเป็นรายแรกในพื้นที่ อ.พบพระ

สำหรับการทำดอกกุกลาบอบแห้ง จะเลือกดอกกุหลาบที่เริ่มบาน ตัดก้านดอก และนำไปแช่ในน้ำยา เพื่อให้ดอกคงสภาพ หลังจากนั้นนำไปอบแห้งรวมแล้วใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงได้กุหลาบอบแห้ง 1 ดอก โดยส่วนผสมของน้ำยา และวิธีการอบแห้งเป็นขั้นตอนที่ได้พัฒนาเองทั้งหมด ทั้งนี้ดอกกุหลาบอบแห้งของไร่ปฐมเพชร สามารถเก็บได้นานถึง 1 ปี ถือว่าดอกสามารถเก็บได้นานมาก เมื่อเทียบกับดอกกุหลาบอบแห้งของผู้ประกอบการรายอื่น

ตลาดหลักในการส่งออกจะอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ที่รับซื้อดอกกุหลาบอบแห้ง ไปพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ ในปัจจุบันมีกำลังการผลิตดอกกุหลาบอบแห้งเฉลี่ยที่ 1,000-2,500 ดอกต่อวัน รวมแล้ว 20,000 ดอกต่อเดือน โดย ไร่ปฐมเพชร เป็นผู้ผลิตและแปรรูป และส่งออกดอกกุหลาบอบแห้งรายใหญ่สุดในประเทศ

ส่องธุรกิจปลูกดอกกุหลาบยังรุ่ง ส่งออกอาเซียนบูม

นอกจากนี้กำลังนำดอกไม้ไทยชนิดอื่น มาทำเป็นดอกไม้อบแห้งคือ “ดอกบัว” ที่มีขั้นตอนการทำอบแห้งที่ยากมาก จากขนาดดอกใหญ่ รวมทั้งกำลังพัฒนาทำให้ดอกกุหลาบอบแห้งมีสีได้ครบทุกสี เพื่อเจาะตลาดลูกค้าทุกกลุ่มที่ชื่นชอบสีของดอกกุหลาบแตกต่างกัน จะเปิดตัวในปีหน้า ซึ่งการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ได้นั้น มาจากการสั่งสมความรู้ และการปลูกดอกกุหลาบมานานมาก ของ “ภราดร” ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งกับการปลูกกุหลาบมากสุดคนหนึ่งในประเทศไทย

อีกทั้งสนใจรุกตลาดในอาเซียน จะเริ่มที่ประเทศเวียดนาม และพม่า เพราะยังไม่มีคู่แข่งที่ทำดอกกุหลาบอบแห้ง จึงมั่นใจตลาดมีศักยภาพเติบโต และรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) คาดว่าจะเปิดตลาดใหม่ของอาเซียนในปีหน้า

“ภราดร” เจ้าของไร่ปฐมเพชร ยังไม่หยุดยั้งพัฒนาและมองโอกาสใหม่ให้แก่ธุรกิจการเกษตรอย่างต่อเนื่อง จึงได้ปรับพื้นที่ในไร่ มาปลูกพืชการเกษตรชนิดอื่น โดยได้เริ่มปลูกปาล์มน้ำมัน ระยะแรกตจำนวน 180 ต้น และมะละกอ คาดว่า ภายใน 3 ปีนับจากนี้ผลผลิตของปาล์มน้ำมันจะออกมาสู่ตลาดได้ และ “ปาล์มน้ำมัน” ถือเป็นพืชดาวรุ่ง

สำหรับเป้าหมายยอดขายของดอกกุหลาบอบแห้งในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเกิน 25% เพราะตลาดส่งออกขยายตัวดีทั้งตลาดในประเทศญี่ปุ่น และตลาดในอาเซียน มีความมั่นใจว่า “ไร่ปฐมเพชร” มีโอกาสและลู่ทางจะขยายธุรกิจได้อีกมาก

“ภราดร” กล่าวทิ้งท้ายว่า อาชีพการเกษตรของไทยทุกกลุ่มและอาชีพปลูกดอกกุหลาบ มีอนาคตและสามารถขยายตลาดส่งออก สู้คู่แข่งในอาเซียนได้ หรือแม้แต่คู่แข่งในประเทศจีน ซึ่งในปีนี้ประเทศจีนยังมาซื้อดอกกุหลาบจากไทย เพราะผลผลิตในประเทศมีไม่เพียงพอ

แต่การที่จะให้อาชีพเกษตร มีรายได้ที่ดีระยะยาว สิ่งสำคัญคือ ภาครัฐ และหน่วยงานที่ดูแลภาคการต้องกำหนดยุทธศาสตร์และระยะเวลาการปลูกให้เหมาะสม ศึกษาตลาดต่างประเทศ เพื่อให้วางแผนปลูกได้ถูกต้อง ไม่ให้เกษตรกรไทยประสบปัญหาผลผลิตล้นตลาด หากผลผลิตออกมาถูกเวลา ราคาขายดีแน่นอน ซึ่งเกษตรกรไทย ต้องมุ่งที่จะพัฒนาการปลูก คุณภาพ และมองหาโอกาสใหม่เสมอ ท้ายที่สุด คนทำอาชีพเกษตรกร รายได้สูงแน่นอน

ส่องธุรกิจปลูกดอกกุหลาบยังรุ่ง ส่งออกอาเซียนบูม