posttoday

ดูปองท์ลุยเกษตรเออีซี

17 ตุลาคม 2558

ดูปองท์ทุ่ม 7 หมื่นล้าน ลุยงานวิจัย ปักธงธุรกิจเกษตร-อาหารอาเซียน

ดูปองท์ทุ่ม 7 หมื่นล้าน ลุยงานวิจัย ปักธงธุรกิจเกษตร-อาหารอาเซียน

นายซิง โฮ กรรมการผู้จัดการกลุ่ม ประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท ดูปองท์ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจบริษัทจะทำตลาดเชิงรุกในตลาดอาเซียน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบกับ
ภูมิภาคอื่นๆ ในขณะนี้ อีกทั้งคาดว่าในปี 2573 ประชากรอาเซียนจะเพิ่มจาก 630 ล้านคน เป็นกว่า 700 ล้านคน ในจำนวนนี้ประชากรชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จึงมีความต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและเพื่อสุขภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มธุรกิจเกษตรและกลุ่มอาหารใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ซึ่งเดิมกลุ่มธุรกิจรถยนต์จะสร้างรายได้หลัก แต่หลังจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดชะลอการเติบโตลง จึงหวังจะเพิ่มรายได้กลุ่มเกษตรอาหารซึ่งเป็นอีกขาหลักให้มากขึ้น

สำหรับประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์ เป็นตลาดที่ศักยภาพเติบโต บริษัทจะนำสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์เกษตร เมล็ดพืช สารประกอบในอาหาร เข้าไปทำตลาดเชิงรุกมากยิ่งขึ้น สำหรับในไทยตั้งเป้าหมายจะเปิดตัวสินค้ากลุ่มเกษตรปีละ 1 รายการ

ขณะที่งบลงทุนวิจัยและพัฒนาสินค้าบริษัทจะใช้ปีละราว 7 หมื่นล้านบาท โดยใช้งบกับกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารในสัดส่วน 62% ตามด้วยกลุ่มธุรกิจระบบความปลอดภัย 25% และพลังงานทดแทน 13% ล่าสุดลงทุน 36 ล้านบาท สร้างศูนย์นวัตกรรมเรียนรู้ในไทยขึ้นมา ส่วนในสิงคโปร์ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าอาหารและเกษตร วิทยาศาสตร์ชีวภาพทางอุตสาหกรรมสำหรับตลาดอาเซียนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 

“นโยบายของบริษัท วางเป้าหมายระหว่างปี 2557-2563 ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารต้องเติบโต 29% กลุ่มพลังงานทดแทนโต 130% ส่วนโพลีเมอร์ เติบโต 35% สำหรับในอาเซียนยังคงเป็น 1 ใน 3 ภูมิภาค ที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของดูปองท์ในเอเชีย ธุรกิจของบริษัทมีอัตราเติบโตสูงในหลายตลาด อาทิ กลุ่มเกษตร น้ำมันปาล์ม” นายซิง กล่าว

ด้านรายได้บริษัท ดูปองท์ ประเทศไทย ตั้งเป้ามีอัตราเติบโต 5% หรือราว 8,000-9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้กลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ 30% และสินค้าเกษตรและอาหาร 20% จากการรุกทำตลาดตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น และที่เหลืออีก 50% เป็นอื่นๆ ขณะที่รายได้ของดูปองท์มีรายได้มากกว่า 1,260 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตรและอาหาร 43% กลุ่มโพลีเมอร์ 35% และกลุ่มพลังงานทดแทน 4%