posttoday

SCB งบ Q3/67 กำไร 10,941 ล้าน พุ่ง 13.2% รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่ม-ตั้งสำรองฯ ลด

21 ตุลาคม 2567

SCB แจ้งงบไตรมาส 3/67 โชว์กำไรสุทธิ 10,941 ล้านบาท พุ่ง 13.2% หลังรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ตั้งสำรองฯ ลดลง ขณะที่ 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9%

          นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 จำนวน 10,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

          ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 32,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ในขณะที่ยอดสินเชื่อโดยรวมลดลงเล็กน้อยในอัตรา 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน 

          รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 9,985 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักๆ มาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ

          ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวน 17,606 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ไม่รวมผลกระทบจากการขายแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood อยู่ที่ 40.9%  

          บริษัทตั้งเงินสำรองลดลง 10.4% จากปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ดังเช่นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพคงอยู่ในระดับสูงที่ 163.9% 

          “ในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโต เป็นผลมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างมากของ CardX รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอัตราผลตอบแทนจากการสินเชื่อที่สูงขึ้นของธนาคาร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม กำไรเหล่านี้ถูกหักลบบางส่วนจากการขาดทุนจากการขาย บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส (PPV) รายได้จากการลงทุนที่ลดลง เนื่องจากการปรับมูลค่าตามราคาตลาดในพอร์ตการลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง” นายอาทิตย์ กล่าว          

          ด้านคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 3.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 19.0%

          นายอาทิตย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน

          ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมกับสองธนาคารดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาค ได้แก่ KakaoBank และ WeBank ยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) บริษัทเชื่อมั่นว่า Virtual Bank จะเข้ามาช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน อีกทั้งยังส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

         นอกจากนี้ บริษัทได้ขายกิจการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood ให้กับกลุ่มผู้ลงทุน ซึ่งนำโดยบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ภายใต้เจตนารมณ์ที่ต้องการส่งต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีของคนไทยเพื่อคนไทยต่อไป ทั้งนี้ การขายกิจการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการรักษาเงินที่รอบคอบ เพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน