ติดตามเงินเฟ้อ-บาทอ่อน SET แกว่งกรอบ 1,443-1,471จุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 1% ขานรับต่อผลประชุม FED เพราะคณะกรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ย 0.5% พร้อมมั่นใจคุมเงินเฟ้อ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.45% หลังสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เมื่อคืนเมื่อที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญมีเพียงการรายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ที่สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ ส่วนรายงาน ผลประชุม FED นั้นอาจไม่ต้องให้น้ำหนักมากนักเพราะสถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างแตกต่างออกไป ในการประชุม FED รอบก่อนอยู่ ณ วันที่ 17-18 ก.ย.

     แต่อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นพบว่าสหรัฐฯได้รายงานการจ้างงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง(รายงานต้นเดือน ต.ค.) พบว่าปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯได้ปรับขึ้น ต่อเนื่องสะท้อนถึงความมั่นใจต่อการลดดอกเบี้ยที่น้อยลง สอดคล้องกับข้อมูลจาก CME FED Watch ที่ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน พ.ย. เพียง 80% จากก่อนหน้าที่เพียง 50% และเริ่มมองถึงโอกาสคงดอกเบี้ยมากขึ้นจากก่อนหน้าที่ไม่ให้น้ำหนักสอดคล้องกับ Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและเริ่มกดดันราคาทองคำปรับลง เป็นอีกปัจจัยสะท้อนว่านักลงทุนเริ่มคลายกังวลกับปัจจัยสงคราม

     ส่วนค่าเงินบาทยังคงแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องพร้อมกับการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ 11 วันทำการที่ผ่านมาขายสุทธิสะสม 1.9 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามได้แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบัน ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ซื้อสุทธิสะสม 2.09 หมื่นล้านบาท เป็นปัจจัยประครอง SET INDEX ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ โดยมีแนวโน้มที่นักลงทุนสถาบันจะเข้าซื้อต่อเนื่องเพราะว่า เม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์มีถึง 1.5 แสนล้านบาท หากนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ต.ค. พบว่าหุ้น SET100 ที่ Outperform สุดได้แก่ (INTUCH GULF TLI COM7 ITC WHA ADVANC) ชุดหุ้นข้างต้นอาจเป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันกำลังให้ความสนใจ 

    ปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ เงินเฟ้อสหรัฐฯ(CPI) Bloomberg Consensus ประเมินที่ 2.3%YoY , 0.1%MoM พร้อมกับเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 3.2%YoY , 0.2%MoM

     วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวที่ 1,445-1,465 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะดัชนีปัจจุบันเหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นและควรมีจุด Stop Loss จากการที่ดัชนีรับปัจจัยหนุนต่างๆไปมากแล้ว ประกอบกับกำลังเข้าสู่ช่วงผลประกอบการหากเกิดความผิดหวังก็เสี่ยงที่หุ้นจะเกิดแรงทำกำไร

     หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น เลือกกลุ่มธนาคารพาณิชย์(BBL KBANK KTB SCB)ปัจจัยหนุนดอกเบี้ยอาจปรับน้อยลง, ส่งออก(ITC, TU)ปัจจัยหนุนเงินบาทอ่อนค่า, กลุ่มท่องเที่ยว(AOT CENTEL MINT)ปัจจัยหนุนท่องเที่ยวเข้าสู่ปัจจัยฤดูกาล

     หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ คือ KBANK (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 178 บาท) แม้ต้องเผชิญกับวัฐจักรดอกเบี้ยลดลงที่กดดัน NIM ลดลงการมุ่งเน้นจัดการงบดุลให้แข็งแกร่ง ทำให้ credit cost มีแนวโน้มลดลงจากระดับสูงที่ 211 bps ในปี 2022 ลดลงเหลือ 175-195 bps ในปี 2024 และ 140-160 bps ในปี 2025 เรามองว่าสำรองหนี้ฯลดลงช่วยลดทอนผลกระทบจาก NIM ที่ลดลงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักหนุนให้กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องในปี 2024-26

     TU (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท) คาดผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 1,303 ล้านบาท (+8%YoY,+7%QoQ) ปัจจัยบวกหลักยังคงมาจากการเติบโตของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient Seafood) ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากตลาดตะวันออกกลาง และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Care) แม้ว่าธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) ยังคงลดลงจากความต้องการที่ชะลอตัวโดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ สำหรับแนวโน้มในช่วง 4Q24 เบื้องต้นคาดว่ารายได้ยังเห็นการเติบโตได้จากปีก่อนแม้จะมีผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาบ้าง

ลุ้นต้าน 1,471 จุด

     บล.กรุงศรี ระบุว่า คาดการณ์แนวโน้ม SET INDEX วันนี้ “ลุ้นฟื้นตัวต่อตามแนวต้าน 1,465 / 1,471 จุด ขยับแนวรับขึ้น 1,451 / 1,443 จุด” ทั้งนี้แท่งเทียนปิดในลักษณะของ SPINNING TOP เหนือระดับ VWAP และ EMA 5,10,25 D โดยที่เครื่องมือทางด้านเทคนิคหลายตัวยังคงมีสัญญาณที่ชะลอคัวถึงแกว่งออกข้าง อาทิ MODIFIED STOCHASTIC ที่ยังชะลอตัว (%K < %D), RSI, MACD ที่แกว่งตัวออกข้าง รวมถึงมูลค่าการซื้อขายที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นเช่นเดียวกัน ฉะนั้นให้น้ำหนักดัชนีมีลุ้นฟื้นตัวต่อตามแนวต้าน 1,465 / 1,471 (PRIOR HIGH) โดยวางแนวรับขยับขึ้นที่ 1,451 / 1,443 จุด (PRIOR LOW) 

     คำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้นอยู่ในด้าน SELECTIVE BUY และขายทำกำไรเมื่อดัชนีแกว่งตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่กำหนด ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวยังคงแนะนำถือลงทุนต่อ

CKP เป้า 3.90 / 4.04 แนวรับ 3.76 จุดตัดขาดทุน 3.70 บาท
BKGI เป้า 3.06 / 3.22 แนวรับ 2.86 จุดตัดขาดทุน 2.80 บาท
CCET เป้า 4.10 / 4.20 แนวรับ 3.90 จุดตัดขาดทุน 3.84 บาท
BGRIM เป้า 23.90 / 24.50 แนวรับ 23.00 จุดตัดขาดทุน 22.70 บาท