ปฏิบัติการฟื้นฟูเชียงราย ตั้ง ศปช. สั่งการระดมเครื่องจักรกลทุกภาคส่วน

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 28 ก.ย.67 เวลา 7.00 น.

1.ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงใหม่ (60 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครราชสีมา (52 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (62 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (89 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (64 มม.) ภาคใต้ : จ.ยะลา (113 มม.)

สภาพอากาศวันนี้ : ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

คาดการณ์ :.ช่วงวันที่ 29 ก.ย. - 3 ต.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร

2. สถานการณ์น้ำ : วานนี้ (27 ก.ย. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ. เชียงราย เป็นประธานการประชุมบูรณาการแผนฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ณ ห้องประชุมท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการดังนี้

     1. จัดตั้ง ศปช. ปฎิบัติการส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์สั่งการ และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

     2. กระทรวงมหาดไทย ให้มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (zoning) ให้มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามผลการดำเนินงาน และปัญหา อุปสรรคจากหัวหน้าหน่วยที่รับผิดชอบแต่ละโซนทุกวัน

     3. ทุกส่วนราชการสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ บุคลากร ในการดำเนินงานโดยรายงานไปที่ศูนย์ ศปช. และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทราบด้วย

   4. ในกรณีเครื่องจักรเครื่องมือไม่เพียงพอมอบให้จัดจ้างเอกชน เพื่อระดมการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมอบหมายให้ กรมบัญชีกลาง พิจารณากระบวนการจัดจ้างให้เกิดความรวดเร็ว โดยไม่ขัดกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง และสำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณกับหน่วยงานดำเนินการ เพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชนต่อไป

     5. ส่วนราชการต่างๆ อำนวยความสะดวกเพื่อซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน ถนน สะพาน เสาไฟฟ้า อ่างเก็บน้ำ ท่อระบายน้ำ

     6. การบริหารจัดการขยะ และดินโคลน ให้ผ่อนผันเรื่องการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และที่ราชพัสดุ

     7. ระบบเตือนภัย ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเร่งรัดดำเนินการในพื้นที่ต่างๆของประเทศที่มีความเสี่ยง ให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้า

      8. มอบหมาย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนการแก้ไขปัญหาระยะกลาง และระยะยาว เช่น การขุดลอกแม่น้ำ ขยายสะพาน การจัดทำระบบเตือนภัย และสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาโดยด่วนต่อไป

4. สถานการณ์อุทกภัย: วันที่ 28 ก.ย. 67 ในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.แม่รวย เวียงป่าเป้า แม่ลาว และเมืองฯ) จ.เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ แม่อาย และแม่ออน) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.ปาย และเมืองฯ) จ.ลำพูน (ป่าซาง บ้านธิ ทุ่งหัวช้าง แม่ทา และอ.เมืองฯ) จ.สุโขทัย (อ.เมือง ศรีสำโรง และสวรรคโลก) จ.น่าน (อ.นาน้อย นาหมื่น และเวียงสา) จ.ลำปาง (อ.เมืองฯ เกาะคา แม่พริก สบปราบ เถิน) จ.แพร่ (อ.เมืองฯ ลอง สูงเม่น และวังชิ้น) จ.ตาก (อ.สามเงา และบ้านตาก)

จ.พิษณุโลก (อ.พรหมพิราม บางระกำ และเมืองฯ บางกระทุ่ม และวังทอง) จ.เพชรบูรณ์ (อ.ชนแดน ศรีเทพ หนองไผ่ หล่มสัก หล่มเก่า) จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.บางบาล บางปะอิน ผักไห่ เสนา บางไทร และพระนครศรีอยุธยา) จ.ปราจีนบุรี (อ.ประจันตคาม กบินทร์บุรี ศรีมหาโพธิ)

จ.เลย (อ.เมืองฯ) จ.อุดรธานี (อ.เมืองฯ และสร้างคอม) จ.หนองคาย (อ.ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ เมืองฯ และโพนพิสัย) จ.ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ บ้านแท่น ภูเขียว แก้งคร้อ คอนสวรรค์ จัตุรัส) จ.ขอนแก่น (อ.แวงใหญ่ แวงน้อย และบ้านไผ่) และ จ.อุบลราชธานี (อ.เมืองฯ เขมราฐ โพธิ์ไทร นาตาล โขงเจียม โพธิ์ไทร)