posttoday

ทรัมป์ม้าตีนปลาย ผลโพลล์ Reuters/Ipsos ชี้ แฮร์ริสนำเพียง 46% ต่อ 43%

09 ตุลาคม 2567

Reuters/Ipsos เผยผลสำรวจล่าสุด คามาลา แฮร์ริส ยังคงนำหน้า โดนัลด์ ทรัมป์ เพียงเล็กน้อยที่ 46% ต่อ 43% ในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

ผลสำรวจซึ่งดำเนินการเป็นเวลา 4 วันและเสร็จสิ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าทรัมป์ ซึ่งเคยตามหลังแฮร์ริส 6 คะแนนในการสำรวจเมื่อวันที่ 20-23 กันยายน สามารถตีตื้นขึ้นมาจากความนิยมมากกว่าในประเด็นเศรษฐกิจหลายด้าน นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางส่วนอาจถูกโน้มน้าวด้วยคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าผู้อพยพผิดกฎหมายมีแนวโน้มที่จะก่ออาชญากรรม แม้ว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจะถูกหักล้างโดยนักวิชาการและสถาบันวิจัยส่วนใหญ่แล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ผลสำรวจมีความคลาดเคลื่อนประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์

ผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่ประเทศกำลังเผชิญ โดย 44% เห็นว่าทรัมป์มีแนวทางที่ดีกว่าในการแก้ปัญหา "ค่าครองชีพ" เทียบกับ 38% ที่เลือกแฮร์ริส

จากประเด็นเศรษฐกิจหลากหลายที่ประธานาธิบดีคนต่อไปควรแก้ไข ประมาณ 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าค่าครองชีพเป็นประเด็นสำคัญที่สุด โดยมีเพียงส่วนน้อยที่เลือกประเด็นตลาดแรงงาน ภาษี หรือ "การทำให้ฐานะทางการเงินของฉันดีขึ้น" ทรัมป์ได้รับการสนับสนุนมากกว่าแฮร์ริสในทุกด้านเหล่านี้ แม้ว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะมองว่าแฮร์ริสเป็นผู้สมัครที่ดีกว่าในการแก้ปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยและคนทั่วไปที่ 42% ต่อ 35% ก็ตาม

ทรัมป์ม้าตีนปลาย ผลโพลล์ Reuters/Ipsos ชี้ แฮร์ริสนำเพียง 46% ต่อ 43%

 

ทรัมป์ดูเหมือนจะได้รับแรงหนุนจากความกังวลอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการอพยพ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับสูงสุดในรอบกว่าศตวรรษในสหรัฐฯ โดย 53% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการสำรวจระบุว่าพวกเขาเห็นด้วยกับข้อความที่ว่า "ผู้อพยพที่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมายเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยสาธารณะ" เทียบกับ 41% ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งแตกต่างจากผลสำรวจในเดือนพฤษภาคมที่ความเห็นแบ่งแยกพอๆ กัน โดย 45% เห็นด้วยและ 46% ไม่เห็นด้วย

ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เน้นย้ำถึงอาชญากรรมที่ก่อโดยผู้อพยพผิดกฎหมายในการปราศรัยหาเสียง แม้ว่าจะมีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับสถานะการเข้าเมืองของอาชญากร แต่การศึกษาส่วนใหญ่พบว่าผู้อพยพไม่มีแนวโน้มที่จะก่ออาชญากรรมมากกว่าชาวอเมริกันโดยกำเนิด

แฮร์ริสนำหน้าทรัมป์ในการสำรวจความคิดเห็นของ Reuters/Ipsos ทั้ง 6 ครั้งนับตั้งแต่เธอเข้าร่วมการแข่งขันในปลายเดือนกรกฎาคม การสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่าแฮร์ริสนำทรัมป์ 2 คะแนน (47% ต่อ 45%) ในกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีแนวโน้มจะไปลงคะแนนในเดือนพฤศจิกายนมากที่สุด ทั้งนี้ ประมาณสองในสามของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ตามการประมาณการของศูนย์วิจัยพิว

ทรัมป์ม้าตีนปลาย ผลโพลล์ Reuters/Ipsos ชี้ แฮร์ริสนำเพียง 46% ต่อ 43%

 

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื่อมั่นในความคมกล้าทางสติปัญญาของแฮร์ริสมากกว่าทรัมป์ในการสำรวจล่าสุด โดย 55% เห็นด้วยกับข้อความที่ว่าเธอ "มีความคมกล้าทางสติปัญญาและสามารถรับมือกับความท้าทายได้" เทียบกับ 46% ที่กล่าวเช่นเดียวกันเกี่ยวกับทรัมป์

แม้ว่าการสำรวจระดับชาติรวมถึงการสำรวจของ Reuters/Ipsos จะให้สัญญาณสำคัญเกี่ยวกับมุมมองของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ผลลัพธ์รายรัฐของคณะผู้เลือกตั้งเป็นตัวกำหนดผู้ชนะ โดยมี 7 รัฐสมรภูมิที่มีแนวโน้มจะเป็นตัวชี้ขาด ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าแฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนคู่คี่กันในรัฐสมรภูมิเหล่านั้น โดยผลลัพธ์ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตของความคลาดเคลื่อน

แฮร์ริสเข้าร่วมการแข่งขันหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตยุติความพยายามในการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง เนื่องจากผลงานที่ย่ำแย่ในการโต้วาทีกับทรัมป์เมื่อเดือนมิถุนายน ในขณะนั้น ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นผู้นำในการแข่งขันอย่างกว้างขวาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่รับรู้ได้ในด้านเศรษฐกิจหลังจากที่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงหลายปีภายใต้การบริหารของไบเดน

การสำรวจความคิดเห็น Reuters/Ipsos ล่าสุดนี้ สำรวจผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 1,272 คนทางออนไลน์ทั่วประเทศ รวมถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ลงทะเบียนแล้ว 1,076 คน ในจำนวนนี้ 969 คนถูกพิจารณาว่ามีแนวโน้มจะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันเลือกตั้งมากที่สุด