posttoday

หมอพาย...มือผ่าศพ ‘ผมพูดแทนคนตาย’

31 สิงหาคม 2556

“ผ่าศพคืองานรูทีน” งานประจำของ “คุณหมอพาย” พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์ สุตสาครเย็น แพทย์ผู้ลงมือผ่าชันสูตรพลิกศพ

 

โดย...กองบรรณาธิการ

“ผ่าศพคืองานรูทีน”

งานประจำของ “คุณหมอพาย” พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์ สุตสาครเย็น แพทย์ผู้ลงมือผ่าชันสูตรพลิกศพ เอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังที่ถูกสังหารอย่างปริศนาเมื่อไม่นานมานี้

คุณหมอ บอกว่า การผ่าศพเอกยุทธก็เหมือนศพอื่นๆ อีกนับหมื่นที่ต้องผ่าตามหน้าที่ เมื่อผลการพิสูจน์ออก ก็ส่งต่อพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกระบวนยุติธรรม คดีเอกยุทธจึงพ้นความรับผิดชอบของคุณหมอแล้ว

หมอวัย 39 มักเชื่อในโชคชะตา ชีวิตจึงพลิกผันอยู่ตลอด ตั้งแต่วัยเด็กกระทั่งกระโจนเข้าสู่อาชีพตำรวจ “ผมไม่เคยคิดอยากเป็นตำรวจ อยากเป็นนักบิน แต่สายตาสั้นเลยหมดสิทธิสอบ ที่มาเรียนหมอก็ไม่ได้เลือกเองโดยตรง พี่ชายผมเป็นหมอทหารเป็นคนอินเรื่องน้ำท่วมโลก แกแนะนำผมว่า ถ้าเกิดสงครามจะมีเพียง 2 อาชีพที่อยู่ได้ คือ ทหารกับหมอ (หัวเราะ)

ผมเลยตัดสินใจเลือกหมอศิริราชอันดับหนึ่ง หมอพระมงกุฎฯ อันดับสอง เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ อันดับสาม สุดท้ายก็ได้อันดับสอง ตอนนั้นผมอยู่ ม.5 เรียนเร็ว 1 ปี ต่อมาจึงลาออกมาเอนทรานซ์ใหม่ ติดแพทย์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และก็จบแพทย์เมื่อปี 2544”

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หากใครได้พูดคุยด้วยจะเห็นตรงกันว่า หมอพายช่างต่างจากหมอที่เรามักพบเห็นทั่วไป ย้อนไปดูภาพยนตร์เรื่อง “หมอเจ็บ” เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน พระเอกวัยรุ่นอารมณ์ดีนิสัยกวนๆ ที่ชื่อ “หมอพาย” นั่นแหละส่วนหนึ่งในชีวิตจริงคุณหมอผ่าศพในปัจจุบัน

อนาคตเขาพลิกผันครั้งใหญ่เมื่อต้องไปเอกซ์เทิร์น หรือแพทย์ฝึกหัดชั้นปีสุดท้าย ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะเรียกว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อก็ว่าได้ เพราะอีก 5 เดือนก่อนจะจบ หมอพายเกิดอาการถอดใจไม่อยากเป็นหมอเอาเสียดื้อๆ

“หมอบางคนเรียนเก่ง แต่ปฏิบัติจริงไม่ได้ บางคนรู้มาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่รู้จะรู้ไปทำไม อย่างจะเจาะเลือดคนไข้โรคเอดส์ รู้ว่าเขาเป็นเอดส์ ก็กลัวว่าเขาจะแกล้งเอาเข็มมาทิ่ม ก็ไม่กล้าเจาะ ถามว่าคนไข้จะรู้สึกอย่างไร มันไม่ได้มองเขาเป็นคนเลย ไม่เคยคิดถึงจิตใจเขา มองแค่ว่าทำไปเพราะต้องทำ มันไม่ใช่หมอ

เคสที่ทำให้ผมตัดสินใจเรื่องนี้ คือ ต้องรักษาหลวงลุง (พระสงฆ์) ท่านทำให้ผมคิดได้ว่าถึงเป็นหมอก็ไม่อาจยื้อชะตากรรมคนได้ วันนั้นทุกอย่างพร้อม วิธีการรักษาก็ง่ายมาก แต่แกก็เสีย ก่อนเสียแกบอกผมว่า สังขารมันไม่เที่ยง ให้ปล่อยวางบ้าง ผมก็ทำทุกวิถีทางให้แกฟื้น แต่ไม่สำเร็จ ผมเสียใจมากเลยคิดจะเลิกเรียนหมอ จะไปขอรับวุฒิปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิตแทน”

“แต่ผมก็จบ ก่อนจะจบต้องผ่านการสอบประมวลทั้งหมดอีกครั้ง เป็นข้อสอบที่โหดและหินที่สุด บางคนสอบ 35 ปี ก็ไม่ผ่าน ส่วนตัวก็คิดว่ายังไงก็คงไม่ผ่าน ก่อนกลับเดินเท้าแวะไหว้ย่าโม สาบานกับท่านไว้ว่า ถ้าสอบผ่านจะรักษาคนไข้ฟรีๆ จะเอาวิชาชีพที่เรียนมาไปช่วยคน ผมก็วัดใจกับท่าน ถ้าท่านให้ผมผ่าน ผมก็จะรักษาฟรี เพราะมันไม่มีทางผ่านอยู่แล้ว พอเอาเข้าจริงสอบทีเดียวผ่าน เขาตัดตกที่ 50 คะแนน ผมได้ 51 คะแนน โคตรสะใจ” หมอพาย เล่าพร้อมเสียงหัวเราะลั่น

เมื่อจบหมอแต่ไม่อยากเป็นหมอนี่เอง เป็นที่มาของชีวิต ณ วันนี้ “ผมตั้งใจจะเรียนต่อเศรษฐศาสตร์ แต่เพื่อนพี่ชายบอกว่า มีตำแหน่งว่างไม่ต้องรักษาคน ไม่ผิดเงื่อนไขย่าโม ไปเป็นหมอผ่าศพที่นิติเวช ไม่ต้องชดใช้ทุนรัฐบาล แถมยังได้ติดยศตำรวจอีก ตำแหน่งที่สถาบันนิติเวชว่างมา 4 ปีแล้ว” เพื่อนของพี่ชายชวน “ติดยศมันเท่ดี ผมใช้เวลาคิดประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ตอบตกลง”

ก่อนก้าวสู่อาชีพใหม่ หมอพายย้อนวัยเยาว์ว่า เหมือนมีบางอย่างกำหนดทางเดินไว้แล้ว สมัยเรียนอยู่เตรียมอุดมศึกษาโรงเรียนดังย่านปทุมวัน วีรกรรมของนายพายคนนี้โลดโผนไม่เบา “ผมจบสาธิตวัดพระศรีมหาธาตุ พี่ชายผมคนที่เชื่อเรื่องน้ำท่วมโลกนี่แหละแนะนำว่า จะเป็นหนึ่งต้องเข้าเตรียมฯ ผมสอบได้ แม้จะเรียนห้องคิง แต่ที่นี่เขาแยกกลุ่มกันด้วยฐานะบรรดาศักดิ์ และอำนาจของบุพการีแต่ละคน ใครคุณสมบัติไม่เข้าพวกเป็นแกะดำ ถึงจะเรียนดี แต่ผมไม่ใช่พวกลูกคนรวย ผมเลยสะพายย่ามวัดสีเหลืองมาเรียนซะเลย จะได้เด่นมีคนสนใจ มันก็เริ่มเด่น คนเริ่มหันมามอง

ตอนนั้นพวกลูกคนใหญ่คนโตชอบทำตัวเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้า ใครมาจากบ้านนอกต้องเดินตามมัน พวกนั้นมันถือเนื้อถือตัว แต่ผมกล้าทำอะไรในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า เช่น ทำไมต้องไปตามเอาใจพวกนั้นด้วย ทำไมจะต้องให้พวกมันเข้าห้องน้ำก่อนทั้งที่คนอื่นก็ต่อแถวอยู่ มันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรม ผมเห็นเรื่องความไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่เด็ก เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้” คุณหมอเล่าวันวาน

อีกเหตุการณ์แห่งความทรงจำกลางสยามสแควร์ คุณหมอ บอกว่า รู้สึกจี๊ด เมื่อเห็นเด็กเตรียมฯ รุ่นพี่กลุ่มหนึ่งใส่ชุดนักเรียนติดพระเกี้ยวสูบบุหรี่ฉุยๆ “ผมเห็นก็รู้สึกว่ามันทุเรศ ผมให้คุณค่ากับพระเกี้ยวมาก กว่าจะได้มาผมต้องสอบถึง 2 รอบ พวกนี้มันเข้ามาง่ายๆ ผมก็บอกเขาดีๆ ว่า ทำไมไม่เอาพระเกี้ยวออก ทำไมต้องประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเด็กเตรียมฯ มีพฤติกรรมแบบนี้ วันนั้นผมเลยถูกยำเละ ภาพเท้าเหยียบหน้ายังติดตาอยู่เลย มันบอกว่า ตำรวจไม่จับกูเว่ย”

นี่แหละคุณสมบัติเด่นข้อหนึ่งที่ติดตัวมาถึงวันนี้

พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์ โตมาในครอบทหารอากาศ เป็นลูกชายคนกลาง พล.อ.อ.นิพนธ์ สาครเย็น อดีตผู้ช่วย ผบ.ทอ. อดีตผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย พี่ชายเป็นหมอทหารอากาศ น้องชายอยู่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเขาย้ำว่า ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย เพราะบ้านที่คุณพ่ออาศัยอยู่ในปัจจุบันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ถ้าพ่อรวยอาจสบายกว่านี้

“เป็นผู้ว่าการท่าฯ คนอื่นเขาคงรวย แต่พ่อผมไม่เอา” หมอพาย เล่าถึงคุณพ่ออย่างภาคภูมิ ซึ่งเป็นต้นแบบความซื่อสัตย์ ความตรงไปตรงมาในหน้าที่ “งานผมทุกวันนี้ทุกศพก็เหมือนกันหมด 12 ปีมานี้ผ่าเกือบทุกวัน หมอที่อื่นผ่าตัดได้เงิน ผมผ่าไม่ได้เงิน แต่ไม่ต่างจากตรวจคนไข้ทั่วไป เพียงแต่ไม่หายใจเท่านั้น

แต่สิ่งที่ผมยึดถือมาโดยตลอด คือ ต้องพูดแทนคนตาย พูดตามความจริงอ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนศพทุกศพที่มาผ่ามีเงื่อนงำการตาย จึงต้องส่งมาพิสูจน์ ก็เป็นธรรมดาทุกคนอยากให้ผลเป็นไปตามความต้องการ แต่ผมก็ต้องยืนตามความเป็นจริง ผมไม่อยากไปยืนสาบานหน้าศาลแล้วต้องโกหก ความจริงก็คือความจริง แต่ทุกคนรู้จักระบบตำรวจดี บางทีถูกใจประชาชน แต่อาจไม่ถูกใจผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า ซึ่งคนทำงานก็อึดอัดบ้าง แต่ใจผมมีนายคนเดียว คือ ประชาชน (เน้นทีละคำ) เพราะประชาชนจ่ายเงินเดือนผม ผมก็ต้องพูดแทนประชาชน”

หมอพาย เชื่อว่า ความตายเป็นเรื่องโชคชะตา บางเคสอายุ 2530 ปี ทุกอย่างดีหมด แต่ตายเพราะไหลตาย “คนที่คุ้นเคยกัน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ขับจอดรถฉี่บนทางด่วน มีคนเตือนว่าโค้งนี้หลายศพแล้ว ให้ไปข้างหน้าหน่อย แกก็เชื่อ สรุปไม่รู้ล้อรถหรือยางอะไหล่คันไหนพุ่งใส่คอหักตายคาที่ ผมเป็นคนชันสูตรเอง มันหมายความว่ายังไง”

กระทั่งตัวเอง คุณหมอ บอกว่า เคยขับรถตกทะเลสาบหมู่บ้าน ภาพสุดท้ายที่จำได้ คือ ฟองอากาศเต็มไปหมด คงตายแน่ แต่รู้ตัวอีกทีไปอยู่บนบ่าใครก็ไม่รู้

บทสรุปหมอพาย อาจจะจริง...ทุกชีวิตมีโชคชะตาคอยกำหนดไว้แล้ว

ปัจจุบัน พ.ต.ท.นพ.ปิยพงษ์ สุตสาครเย็น ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ สบ 3 กลุ่มงานตรวจพิสูจน์ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ทำงานได้ 4 ปีก็ได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญนิติเวชศาสตร์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เป็นอาจารย์พิเศษ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพิ่งได้รับเลือกเป็นแพทย์ตำรวจดีเด่น ตามประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ ต้นปี 2556 นอกเหนืองานราชการ มีผลงานพ็อกเกตบุ๊กขายดีมาแล้ว 7 เล่ม หนึ่งในนั้นถูกนำมาสร้างภาพยนตร์เรื่อง “หมอเจ็บ”

ความตั้งใจที่อยากเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะอยากรวย จึงเอาเวลาว่างจากงานคิดค้นสูตรอาหารเสริมขาย และโชคก็เข้าข้าง อาหารเสริมที่ออกวางจำหน่ายในช่วงแรกขายดิบขายดี ฐานะอู้ฟู่ขึ้นทันตา ถอยรถเบนซ์ และมินิคูเปอร์ มาสนองความฝันสมใจ

แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน วันดีคืนดีเอเยนต์หยุดสั่งสินค้ากะทันหัน เพียงเพราะคำให้ร้ายจากคนคนเดียว ธุรกิจที่กำลังรุ่งก็ร่วงโครมลงมาทันที เรียกได้ว่าฝันสลาย ต้องวิ่งไปไหว้พระอยู่หลายแห่ง ต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลแก้เคล็ดกันเลยทีเดียว

เมื่อตั้งหลักได้หมอพายลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เริ่มจากสำรวจตัวเองว่า เป็นคนผมบาง จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม ซึ่งต้องใช้เวลาร่วม 5 ปี ถึงประสบความสำเร็จ ปัจจุบันว่างเว้นจากงานหลักก็เอาเวลาไปส่งของ ซึ่งมีทั้งอาหารเสริมเกี่ยวกับตับ ภายใต้ในชื่อ “Liver Plus” ปัญหาเส้นผมร่วงและผมบาง ผลิตภัณฑ์ชื่อ “Hairl Routie” และแชมพูในชื่อเดียวกัน รวมทั้งเซรั่มบำรุงเส้นผมภายใต้ชื่อ “Perfect Hair”

ทุกผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปัจจุบันมีร้านเล็กๆ วางจำหน่ายในห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเดอะ มอลล์ แม้จะไม่ทำมาค้าขึ้นเช่นอดีต หมอผ่าศพแห่งสำนักนิติเวชวิทยา ก็รับได้กับฮอนด้า ซีอาร์วี ยานพาหนะสำหรับการดำเนินชีวิต ณ วันนี้