posttoday

Hokuriku 2

20 มีนาคม 2559

เมื่อพูดถึงเมือง Kanazawa สถานที่แห่งหนึ่งที่ต้องตามติดมาเสมอคือ สวนเคนโรคุ (Kenrokuen) หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุด

เมื่อพูดถึงเมือง Kanazawa สถานที่แห่งหนึ่งที่ต้องตามติดมาเสมอคือ สวนเคนโรคุ (Kenrokuen) หนึ่งในสามสวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกันกับสวนโคราคุ (Korakuen) จังหวัดโอคะยามะ และสวนไคราคุ (Kairakuen) จังหวัดอิบารากิ สวนเคนโรคุนี้มีประวัติยาวนานย้อนหลังไปกว่า 400 ปี แต่ก่อนเป็นแค่สวนเล็กๆ ข้างปราสาทคานะซาวะ ชื่อสวน Renchi-tei เคยถูกไฟไหม้ไปและได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยขยับขยายให้ใหญ่ขึ้น มีการสร้างน้ำตกจำลอง Midori-taki สูง 6.6 เมตร เมื่อสายน้ำตกลงมากระทบกับก้อนหินที่ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดีก็จะเกิดเสียงดัง สร้างอรรถรสทางภาพและเสียงไปในคราวเดียว พร้อมกันนั้นได้มีการสร้างเรือนน้ำชา Yugao-tei บนเกาะเล็กๆ กลางบึงน้ำ Hisago-ike เพื่อชมทัศนียภาพและสื่อผสมของน้ำตกมิโดริพร้อมจิบชาอย่างสบายอารมณ์ นอกจากนี้ยังมีเรือนน้ำชาอีก 3 แห่ง ที่สร้างขึ้นมาในระยะเวลาใกล้เคียงกันคือ Uchihashi-tei เรือนน้ำชาที่สร้างยื่นไปในบึงน้ำ Kasumiga-ike ซึ่งจะเปิดให้ชมเพียงปีละหนคือในวันที่ 7 พ.ค. Shigure-tei เรือนน้ำชาริมบึง Hase-ike และ Funano-ochin เรือนน้ำชาแห่งเดียวที่ไม่ได้สร้างอยู่ติดน้ำ แต่อยู่ท่ามกลางสวนพลัมที่จะบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ

สวน Renchi-tei ได้ถูกขยายและปรับแต่งให้งดงามยิ่งขึ้นเพื่อรองรับการเกษียณอายุก่อนกำหนดของไดเมียว Maeda Narinaga พร้อมสร้างที่พำนักขนาด 200 ห้อง และขนานนามว่า Takezawa Palace แต่หลังจากไดเมียวนารินางะเสียชีวิต ที่พักระดับเลิศหรูแห่งนี้ก็ถูกรื้อทิ้งโดยไดเมียว Nariyasu บุตรชายแท้ๆ ของไดเมียวนารินางะ มีการขุดบึงน้ำและคลองเพิ่มเติม พร้อมปลูกและปรับแต่ง

Hokuriku 2

รูปทรงของต้นไม้ และได้รับชื่อใหม่ในปี 1860 เป็น Kenrokuen ว่ากันว่า ท่านไดเมียว Matsudaira Sadanobu เป็นผู้ตั้งให้ อันสืบเนื่องมาจากองค์ประกอบทั้ง 6 ของสวนแห่งนี้ คือ Spaciousness/Seclution ความกว้างใหญ่และสันโดษ เนื่องจากการขยับขยายและปรับปรุงสวนมาหลายต่อหลายรุ่น จึงมีความแตกต่างจากบุคลิกของไดเมียวหลายท่าน แต่กลับลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพของนักแต่งสวนแต่ละท่าน

Artificiality/Antiquity การปรับแต่งสิ่งก่อสร้างภายในสวน เช่น สะพาน ทางเดิน น้ำพุ โคมหิน และธรรมชาติที่ปรุงแต่งโดยฝีมือมนุษย์อย่างเช่นน้ำตก บึงน้ำให้สอดรับกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนไร้รอยตะเข็บ Abundant water/Broad views ถือเป็นความสุดยอดของสวนแห่งนี้ เพราะไม่มีสวนแห่งใดที่จะสร้างมุมมองของพื้นดินและพื้นน้ำให้ดูกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตเท่าที่นี่อีกแล้ว อันนี้ต้องยกประโยชน์ให้กับระบบน้ำหมุนเวียนที่ถูกสร้างผ่านท่อหินใต้ดินไว้ตั้งแต่ไดเมียวรุ่นก่อนๆ ทำให้ทั้งแหล่งน้ำธรรมชาติและบึงน้ำตลอดจนคลองขุดในสวนไคราคุแห่งนี้ไหลเวียนเชื่อมต่อกัน จึงอยู่ในสภาพพสุธากว้างใหญ่วารีเคลื่อนไหว อันแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่สิ้นสุด

สวนไคราคุยังเป็นสวนที่งดงามตลอดทั้ง 4 ฤดู ทั้งต้นพลัมและซากุระที่ออกดอกเบ่งบานชมพูสะพรั่ง รวมทั้งดอกชวนชมและไอริสสีม่วงสดในฤดูใบไม้ผลิ ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าและวัชพืชต่างๆ ในหน้าร้อน จากนั้นก็จัดจ้านด้วยสีแดงส้มของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และโคมหินริมบึงน้ำที่มีภาพต้นสนยืนพยุงกิ่งโดยเส้นเชือกท่ามกลางหิมะขาวโพลน ถือเป็นที่สุดแห่งความงามในฤดูหนาว

ด้วยองค์ประกอบทั้ง 6 บวกกับฤดูกาลทั้ง 4 จึงทำให้สวนไคราคุแห่งนี้ รับคะแนนเต็ม 10 ไปได้อย่างภาคภูมิ สมกับตำแหน่ง หนึ่งในสามสุดยอดของสวนญี่ปุ่นครับ

Hokuriku 2