เปิดที่มาเหรียญสหรัฐที่ถูกประมูลไปกว่า 580 ล้านบาท
ย้อนรอยเหรียญดับเบิล อีเกิล ของสหรัฐที่ถูกประมูลไปในราคากว่า 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำไมถึงแพงขนาดนั้น
สหรัฐประมูลเหรียญกษาปณ์ทองคำดับเบิล อีเกิล (Double Eagle) ที่ผลิตในปี 1933 เหรียญไปเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยปิดประมูลไปในราคากว่า 18.87 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 589 ล้านบาท กลายเป็นเหรียญที่แพงที่สุดในโลก
จากราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7 ล้านเหรียญสหรัฐพุ่งขึ้นเป็น 10 ล้านเหรียญสหรัฐภายในเวลาไม่กี่วินาทีท่ามกลางการเสนอราคาหลายครั้งจนไปสิ้นสุดอยู่ที่ 16.75 ล้านเหรียญสหรัฐจากผู้ซื้อที่ไม่ระบุตัวตน เมื่อบวกภาษีและคำธรรมเนียมแล้วราคาเหรียญดังกล่าวจึงอยู่ที่ 18,872,250 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทำลายสถิติเหรียญดอลลาร์โฟลวิ่ง แฮร์ (Flowing Hair) ปี 1794 เกือบ 2 เท่า ซึ่งเหรียญดังกล่าวขายไปในปี 2013 ด้วยราคา 10 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นเหรียญที่แพงที่สุดในโลกก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เหรียญดับเบิล อีเกิล ถูกนำออกขายโดยสจ๊วต ไวซ์แมน (Stuart Weitzman) นักออกแบบรองเท้าและนักสะสมคนหนึ่งที่เคยประมูลเหรียญนี้มาในปี 2002 ด้วยราคา 7.6 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือเป็นราคาที่แพงที่สุดในโลกในตอนนั้น
บริษัทประมูลโซเธอบีส์ (Sotheby's) กล่าวถึงเหรียญดับเบิล อีเกิล ว่าเป็นเหรียญที่หายากและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในปี 1933 และเป็น "หนึ่งในเหรียญที่เป็นที่ผู้คนปรารถนามากที่สุดในโลก"
ทั้งนี้ ดับเบิบ อีเกิล มีมูลค่าหน้าเหรียญอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐ ได้รับการออกแบบโดยออกัสตัส เซนต์-กอว์เดนส์ (Augustus Saint-Gaudens) ประติมากรชาวอเมริกัน โดยด้านหนึ่งของเหรียญเป็นนกอินทรีสหรัฐ ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเทพีเสรีภาพ
โดยเหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญทองคำเหรียญสุดท้ายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลิตขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกา แต่รัฐบาลสหรัฐในขณะนั้นตัดสินใจไม่นำเหรียญออกใช้
หลังจากที่อดีคประธานาธิบดีแฟรงคลิน รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) นำสหรัฐออกจากระบบมาตรฐานทองคำ เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังตกต่ำในขณะนั้น รวมถึงออกคำสั่งทำลายเหรียญทั้งหมด ยกเว้น 2 เหรียญที่มอบให้แก่สถาบันสมิธโซเนียน
ต่อมาในปี 1937 เหรียญดับเบิล อีเกิลถูกพบเกลื่อนตลาดทางการสหรัฐจึงทำการสอบสวนจนกระทั่งปี 1944 ได้ผลสรุปว่าเหรียญเหล่านั้นถูกขโมยมาจากรัฐบาล จึงเร่งนำเหรียญทั้งหมดกลับคืนและหากผู้ใดครอบครองถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
แต่ก่อนที่จะมีการสอบสวน มีการซื้อเหรียญหนึ่งเหรียญและได้รับอนุญาตให้ส่งออกโดยความผิดพลาด สุดท้ายเหรียญนั้นไปตกอยู่ที่ชุดสะสมเหรียญของกษัตริย์ฟารูกแห่งอียิปต์
บริษัทประมูลโซเธอบีส์พยายามประมูลเหรียญดังกล่าวในปี 1954 แต่กระทรวงการคลังสหรัฐประสบความสำเร็จในการถอนออกจากรายชื่อการประมูล
ไม่มีใครรู้ว่าเหรียญนั้นไปอยู่ที่ใดจนกระทั่งปี 1996 หน่วยสืบราชการลับยึดคืนมาได้ระหว่างการตรวจค้นที่เวลดอร์ฟ-แอสตอเรีย ในนิวยอร์ก
หลังจากนั้นมีการต่อสู้ยืดเยื้อนาน 5 ปีจนในที่สุดมีการตัดสินใจว่าเอกชนสามารถครอบครองเหรียญนี้ได้ เหรียญที่ถูกประมูลไปครั้งล่าสุดนี้จึงเป็นเหรียญเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายได้ตามกฎหมาย
Photo by Angela Weiss / AFP