posttoday

อนาคต NUSA ในมือ “กลุ่มประเดช” จะเป็นอย่างไร?

23 กันยายน 2567

“กลุ่มประเดช” กุมอำนาจ NUSA อนาคตจะเป็นอย่างไร? หลัง “กลุ่มเทพเจริญ” ไร้อำนาจบริหาร ล่าสุด ก.ล.ต. กล่าวโทษ “วิษณุ-ศิริญา” กับพวก รวม 6 ราย ต่อ DSI กรณีทุจริตและการแสดงเอกสาร-ข้อมูลเท็จ พร้อมส่งเรื่องต่อ ปปง.

การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ “ประเดช กิตติอิสรานนท์” ประธานคณะกรรมการบริหารกรรมการ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ถือเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง ที่ทำให้ “กลุ่มเทพเจริญ” ไม่สามารถรักษาอาณาจักร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ที่สร้างขึ้นมาไว้ได้

ก่อนจะมองไปอนาคตของ NUSA ขอย้อนกลับไปตั้งแต่ NUSA เข้าไปถือหุ้น WEH ในสัดส่วนกว่า 7% ซึ่งในยามที่ยังหวานชื่นกันอยู่ พยายามให้เหตุผลการเข้าลงทุนว่า WEH เป็นธุรกิจที่ดี ธุรกิจที่มีอนาคต และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ 

จากนั้นจะเข้าลงทุนในหุ้น WEH เพิ่มเติมอีก 26.65% พร้อม Swap หุ้น กับ WEH แต่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ท้วงว่าการดำเนินการดังกล่าวเข้าข่าย Backdoor ทำให้ NUSA ดำเนินการตามคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเปลี่ยนการ Swap หุ้น กับ WEH เป็นประเภทการเข้าจดทะเบียนหลักทรัพย์ทางอ้อม (Backdoor Listing)

ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่แล้วในช่วงปลายปี 2566 คณะกรรมการ NUSA ได้มีมติจำหน่ายทรัพย์สิน รวม 6 รายการ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และสำรองไว้รอการไถ่ถอนหุ้นกู้ โดย 1 ใน 6 รายการ เป็นการจำหน่ายหุ้น WEH จำนวน 7,748,294 หุ้น มูลค่าทางบัญชี 3,373.37 ล้านบาท จึงเป็นชนวนเหตุให้ความสัมพันธ์แตกร้าวลง 

นำไปสู่การขอมติผู้ถือหุ้นเพื่อปลดผู้บริหารและกรรมการ “กลุ่มเทพเจริญ” ออกไป และแต่งตั้งคนรของตัวเองเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน อาทิ “ณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ” เข้ามาดำรงตำแหน่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ พร้อมทั้งมีการสื่อสารไปยังผู้ถือหุ้น และนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างต่อเนื่องว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้น และกรรมการกลุ่มใหม่ ที่เข้ามาบริหาร ส่วนกลุ่มเทพเจริญ ไม่มีอำนาจบริหารแล้ว      

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่าง “กลุ่มประเดช” และ “กลุ่มเทพเจริญ” และการแก้เกมเพื่อพยายามรักษาสินทรัพย์ด้วยแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เป็นปมเหตุที่ทำให้ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษกรรมการ อดีตกรรมการและผู้บริหาร NUSA กับพวก รวม 6 ราย ต่อ DSI กรณีร่วมกันกระทำการโดยทุจริตลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินที่ประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market approach) อย่างไม่สมเหตุสมผล 

นอกจากนี้ ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตขายห้องชุด ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จนทำให้ NUSA ได้รับความเสียหาย 

หนักไปกว่านั้น “กลุ่มประเดช” เตรียมฟ้องอดีตกรรมการ-ผู้บริหาร และผู้เกี่ยวข้อง เพิ่มเติม หลังจากเดินหน้าฟ้องมาแล้ว 3 คดี ทั้งแพ่งและอาญา ตามที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษในหลายข้อหาดังกล่าว 

ส่วนอนาคตของ NUSA ภายใต้การบริหารงานของ “กลุ่มประเดช” จะกลับไปสู่การ Backdoor บริษัท WEH เข้ามาหรือไม่นั้น คงต้องรอติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด 

เพราะในปัจจุบัน หลัง “กลุ่มประเดช” เข้ามากุมอำนาจ NUSA ได้มีการเตรียมรีแบรนด์ และดึงทีมผู้บริหารใหม่ เข้ามาดูกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยสามารถขายปิด (sold out) ได้ 2 โครงการ และสร้างยอดขายรอโอนกว่า 300 ล้านบาท ในรอบเวลาเพียง 3 เดือน อีกทั้งยังเตรียมซื้อที่ดิน ลุยตลาดอสังหาฯ แบบครบวงครบ 

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาเรื่องแนวทางของการจับมือกับพันธมิตรใหม่กับธุรกิจ Healthcare และยังได้เงินทุนหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท จาก WEH มาเสริมอีกด้วย

เกมนี้คงจะต้องดูกันไปนานๆ หน่อย ว่า NUSA จะยังมุ่งธุรกิจอสังหาฯ หรือจะกลายเป็น ธุรกิจพลังงาน ในอนาคต