มีชัยลุยตั้งกลไกพิเศษ

โพสต์ทูเดย์ - มีชัยแจงกองทัพรับปาก ตั้งกลไกพิเศษในร่างรัฐธรรมนูญตาม ครม.เสนอ

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ชี้แจงสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญให้กับกำลังพลภายในกองบัญชาการกองทัพบกตอนหนึ่ง ระบุว่า การร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ของ กรธ.นั้นเป็นอิสระไม่มีใบสั่งจากใคร โดยได้วางกลไกทั้งหมดเพื่อให้เกิดการปรองดองเป็นระยะ ไม่ให้เกิดทางตัน แต่กรอบการตั้งกลไกพิเศษเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่นายกรัฐมนตรีได้มอบมาให้นั้น กรธ.ยังคิดไม่ออก แต่จะกำหนดกลไกไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กลไกในการแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้นเป็นเพียงข้อเสนอไม่ใช่การแนะนำ  รัฐบาลต้องการให้ กรธ.นำปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พ.ค. 2557 มาเป็นต้นแบบแก้ไขปัญหา โดยเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อตอบโจทย์ในปัญหาเหล่านั้นให้ได้ จึงให้ กรธ.คิดหาวิธีแก้ แต่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ แต่ไม่ควรนำมาตรการเหล่านี้มาอยู่ในบทถาวร ควรเขียนไว้ในบทเฉพาะกาล ซึ่งกลไกจะออกมารูปแบบใดนั้นยังคิดไม่ออก

“นี่ไม่ใช่ข้อเสนอของ คสช. ถ้า คสช.จะสั่งก็จะพูดกันตรงๆ ไม่จำเป็นต้องออกข่าว ผมบอกเลยเราไม่ได้เสนอว่าจะให้มีองค์กร เช่นเดียวกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.)  เพราะถ้าใช่ ครม.คงเขียนให้ชัดไปแล้ว ไม่มีการแอบอ้อมใดๆ ทั้งสิ้น เราเสนอเพื่อแก้ปัญหาซึ่งมีหลายวิธี โดยไม่จะเป็นต้องมี คปป.หรืออะไรทั้งนั้น” นายวิษณุ กล่าว

ด้าน นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. แถลงว่า ที่ประชุม กรธ.ได้พิจารณาทบทวนเนื้อหารายมาตราเกี่ยวกับหมวดสิทธิเสรีภาพ โดยจะนำเอาเนื้อหาตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ครอบคลุมสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มาใส่ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญให้เหมือนกับฉบับที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็นำเอาเนื้อหาในส่วนของการคุ้มครองสิทธิมาบัญญัติไว้ด้วย เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิ สามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการต่อสู้คดีตามกฎหมายได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป ส่วนข้อเสนอของ ครม.ยังไม่ได้พิจารณา

นายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า กกต.ได้ส่งข้อเสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวไปยังรัฐบาลแล้ว มี 2 ประเด็น คือ เรื่องการจัดส่งร่างรัฐธรรมนูญที่เดิมกำหนดว่าให้ส่งให้ครัวเรือนไม่น้อยกว่า 80% กกต.เห็นว่าอาจสิ้นเปลืองงบประมาณ จึงขอแก้ให้จัดส่งโดยวิธีการอื่นแต่ต้องทั่วถึงและเรื่องของภาคความผิด ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของรัฐบาลที่จะเห็นสมควรหรือไม่