ประเด็นร้อนวันที่ 11 ม.ค.

รัฐบาลยังมีงานหนักให้ต้องทำความกระจ่างเรื่องของขวัญ 9 ชิ้น ที่มอบแก่ประชาชนในหีบห่อที่ชื่อว่าประชาวิวัฒน์ และอีกเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ การดำเนินการผ่านกระบวนการยุติธรรมกัมพูชาเพื่อให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับกุม ซึ่งถูกนำมาจุดประเด็นในการบดขยี้รัฐบาล

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

1.วันที่ 11 ม.ค. มีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยวาระสำคัญอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เสนอหนังสือรวมเล่มแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 ด้านต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรายงานกรอบการใช้งบประมาณและกระจายความรับผิดชอบแก่หน่วยงานต่างๆ โดยแผนปฏิรูปประเทศไทย 4 ด้าน คือ 1.การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและขยายระบบสวัสดิการชุมชน 2.การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 3.การสร้างอนาคตของชาติ ด้วยการพัฒนาคน เด็กและเยาวชน และ 4.นโยบาย "ปฏิบัติการร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย" ในส่วนของกระบวนการประชาวิวัฒน์กับปัญหา9 ประกาศ (นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เป็นประธาน)

2.แม้รัฐยอมให้มีการปรับขึ้นเพดานขายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวด(ลิตร) จากลิตรละ 38 บาท เป็น 47 บาทหรือปรับเพิ่มลิตรละ 9 บาท แต่ปรากฏว่าประชาชนยังประสบกับความขาดแคลนทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ทราบดีว่า ผู้ผลิตผู้ค้ารายใดทำการกักตุน แต่กลับไม่ยอมดำเนินการทางกฎหมายประชุม ครม.นัดนี้ กระทรวงพาณิชย์ต้องรายงานต่อ ครม.เรื่องการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันปาล์ม แต่จะตอบต่อที่ประชุม ครม.อย่างไรถึงการไม่จัดการกับปัญหา เป็นเรื่องที่น่าติดตาม

3.ส่วนวาระการพิจารณาอื่นๆ ของครม.ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เช่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เตรียมเสนอ ครม. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาการจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชา ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอแก้ไขกฎหมายจากเดิมที่ห้ามขายบุหรี่ให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นห้ามขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี การเคหะแห่งชาติ (กคช.) เตรียมยื่นแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและปานกลางซึ่งเป็นโครงการใหม่ จำนวน12-13 โครงการ รวม 5,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท

4.ยังคงเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกควบคุมตัวที่กัมพูชาในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายซึ่งล่าสุดทนายความชาวกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลกัมพูชาเพื่อขอประกันตัวแล้วโดยต้องรอดูว่าศาลกัมพูชาจะมีการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวหรือไม่พร้อมกับต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลไทยภายหลังจากการประชุม ครม.ในวันที่ 11 ม.ค.ด้วยว่าจะออกมาในรูปแบบใด เพื่อสลายแรงกดดันจากกลุ่มมวลชนพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้รัฐบาลใช้ไม้แข็ง

5.ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ2550 ที่จะเริ่มตั้งแต่เวลา 13.30 น. ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ที่ประชุม กมธ. จะสามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขสส.ได้หรือไม่ หลังจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นไม่ตรงกัน โดยทางประชาธิปัตย์ยืนยันต้องการให้เป็นสูตร สส.เขตเดียว เบอร์เดียว 375 คนและบัญชีรายชื่อ 100 คน ขณะที่ท่าทีล่าสุดของพรรคร่วมรัฐบาลนำโดย นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันเจตนารมณ์เดิม คือ 400+100 คน นอกจากนี้จะมีการหารือถึงกระแสข่าว สว.สรรหา เตรียมลาออกเพื่อขอรับการสรรหาเข้ามาใหม่ในช่วงเดือน ก.พ. ด้วย

6.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดเสวนา เรื่อง "ประสบการณ์การประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี นายสุเมธ ตันติเวชกุลประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา

7.หลังจากกลายเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ของการชุมนุมทางการเมืองมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ทำให้กลุ่มผู้ค้าและผู้ประกอบการโรงแรมย่านราชประสงค์รวมตัวจัดทำจดหมายเปิดผนึกเพื่อเรียกร้องการบริหารจัดการการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ โดยจะแถลงจดหมายเปิดผนึกที่บริเวณป้ายย่านราชประสงค์ในเวลา12.00 น. จากนั้นเวลา 14.00 น. จะเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้หามาตรการแก้ไขปัญหา

8.ปิดท้ายด้วยข่าวขำไม่ออก ลาวก้าวหน้าไปอีกขั้นเข้าสู่ระบบระดมทุนสากล วันที่ 11 ม.ค. ตลาดหลักทรัพย์ลาวจะเปิดทำการเป็นวันแรก ซึ่งหุ้นที่เปิดทำการซื้อขายจะยังมีเพียง 2 ตัว คือ หุ้นของการไฟฟ้าลาว หรืออีดีแอล และธนาคารการค้าต่างประเทศ แต่ก็ยังมีการจำกัดการเข้าซื้อหุ้นจากทั้งชาวต่างประเทศและบริษัทต่างชาติ